วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรกเก้ และ สกาต่างกันอย่างไร

Ska คือ ดนตรีเต้นรำ ที่มีถิ่นกำเนิดจากดินแดน Jamaica เค้าว่ากันว่าเกิดในช่วงยุค 50 ผสมผสาน
ระหว่างดนตรีเมนโต้ (ดนตรีท้องถิ่นของJamaica) และคาลิปโซ กับ ร๊อคแอนด์โรล แจ๊ซ และ ริทึ่มแอนด์บลู
ที่มาจากฝั่งอเมริกา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสถานีวิทยุอเมริกันที่ลอยข้ามทะเลมา ไม่ว่าจะเป็นคลื่นจากฟลอริดา
หลุยส์เซียนา หรือ นิวออร์ลีน
แพร่หลายในกลุ่ม Rude boys ,  Mods และ  Skinhead  เพลงสกาแบ่งออกเป็น 3 ยุค
ยุคแรกเกิดในจาไมก้าช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2-ปลายยุค 60 เป็นสกาประเภทดั้งเดิม (Tradition Ska)
ถ้าพูดถึงยุคนี้ต้องพูดถึงวง Skatalites
ยุคที่ 2 เป็นยุคที่เรียกว่า 2 Tone เป็นช่วงของค่าย 2 tone record  ซึ่งซาวนด์ ของค่ายนี้เป็นการผสมผสาน
ของสกาแบบจาไมก้าและดนตรีพังค์ เป็นที่มาของสี ขาว-ดำ สัญลักษณ์ของดนตรีสกา เป็นยุคที่คนขาวและ
คนดำมาร่วมเล่นดนตรีด้วยกัน โดยไม่มีการแบ่งแยกหรือเยียดสีผิว สกายุคนี้เจริญเติบโตและเป็นที่นิยมใน
สหราชอาณาจักรและอังกฤษดินแดนแห่งชาวMods ในช่วงปลาย 70 - ต้น80 วงที่ต้องพูดถึงของยุคนี้ คือ
วง The Specials
ยุคที่ 3 เป็นยุคที่เรียกว่า New wave เป็นยุคที่ดนตรีสกาได้แพร่หลายในอเมริกาและประเทศอื่นๆ เริ่มตั้งแต่ยุค
90 เป็นต้นไป....^^
...
Reggae คือ ดนตรีที่มีแหล่งกำเนิดเดียวกันกับเพลงสกา ก็คือจาไมก้าอีกนั่นแหล่ะ เป็นดนตรีที่พัฒนามาจาก
ดนตรีสกา คาดว่าเกิดในช่วงปลายยุค 60 มีการทำจังหวะของเพลงสกาให้ช้าลงและมีการเรียกดนตรีชนิดนี้ว่า
Rockstedy ชื่อดนตรีชนิดนี้อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเรามากนัก แต่เป็นเพลงที่มีลักษณะคล้ายกับเพลงสกา
แต่จะมีจังหวะที่ช้ากว่า หลังจากเกิดดนตรีร๊อคสเตดี้ ก็เกิดรูปแบบของดนตรีที่เรียกว่า Reggae เพลงร็อคของ
ชาวอเมริกัน เกิดจากการผสมผสาน ของร๊อคแอนด์โรลของอเมริกันกับท่วงทำนองดนตรีพื้นเมืองของจาไมก้า
ดนตรีเร็กเก้จะมีจังหว่ะที่ช้ากว่าร๊อคสเตดี้ เครื่องดนตรีที่เป็นหัวใจสำคัญคือ กีต้าร์ เบส กลอง
ส่วนคีย์บอร์ดหรือ ออแกน และ กีต้าร์จะเน้นบทบาทอยู่ที่การให้จังหวะ อาจมีเสียงเครื่องเป่าชนิดต่างๆเข้ามามี
ส่วนร่วมอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าเพลงสกา
จังหวะที่โดดเด่นของเร็กเก้ อยู่ที่จังหวะเคาะ ที่เรียกว่าจังหวะสะกดจิต ได้รับอิทธิพลมาจากการตีกลองแบบ
อัฟริกัน (ซึ่งเป็นดนตรีพื้นเมืองของชาวจาไมก้า) ชาวจาไมก้าเรียกดนตรีที่เลียนแบบดนตรีสไตล์พื้นเมืองนี้
ว่า Root Music
...
นอกจากนี้ ดนตรีเหล่านี้ก้อยังพัฒนาและแยกย่อย ไปเป็นอีกหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น Lovers Rock ,  Dub ,
Raggamuffin , Dance hall , Reggaeton  Skapunk , Ska-Jazz ถ้ามีโอกาสจะนำมาแนะนำให้ฟังนะครับ
...
Rude Boys คือ คำเรียกขานตัวเองของวัยรุ่นชาวจาไมก้าที่หลงใหลในดนตรีชนิดนี้ พวกเค้ามักเพ่นพ่านอยู่
ตามสถานที่เต้นรำ สุมหัวกันเป็นแก๊งค์ พกพาอาวุธทุกชนิดไม่ว่ามีดหรือปืน และมักปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อยู่เสมอ
คำว่า Rude ตามนิยามของพวกเค้าหมายถึงใครก็ได้ที่ต่อต้านรัฐบาล ความหมายยังแฝงนัยไปถึงพวกอนาธิปไตย
และนักปฏิวัติแห่งถิ่นสลัม รวมถึงพวกมือปืน แก๊งค์วายร้าย พวกมือรับจ้างทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งถูกกดดันให้
กลายเป็นแก๊งค์อันธพาลโดยพรรคการเมืองชั้นนำสองพรรคของจาไมก้าในยุคนั้น
Rude boys คือ แฟชั่นทางสังคมที่ยืนอยู่หน้าสุดในบรรดาแฟนเพลงทั้งหลาย พวกเค้าถูกใช้เป็นเครื่องมือของ
บริษัทอัดแผ่นเสียง ในการรักษาสถานการณ์ขณะที่จัดเต้นรำหรือคอนเสิร์ต ในบางครั้งก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือ
ทำลายธุรกิจของฝ่ายตรงข้าม พวกเค้าคือกลุ่มวัยรุ่นที่มีเนื้อเพลงพูดถึง Rudeboys ถูกกล่าวถึงทั้งแง่ดีและแง่
ร้าย สังคมจาไมก้าส่วนใหญ่มองดูคนเหล่านี้ในฐานะตัวปัญหา ขณะที่บางส่วนมองอย่างเข้าใจ
Bob marley และเพื่อนๆครั้งหนึ่งก็เคยตั้งชื่อวงของพวกเค้าว่า The Wailing Rudeboys ...^^
...
ที่มาของข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้ มาจากหนังสือ "ศาสดาขบถ กัญชา อิตถีเพศ และเทศนาด้วยบทเพลง"
เขียนโดย Stephen Davis และแปลโดย อัคนี มูลเมฆ  สำนักพิมพ์ปัจเจกชน
แล้วจะนำเรื่องราวที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ....แล้วเจอกัน Jah...^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น